วันเสาร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เสิร์ชเอนจิน (search engine) คือ โปรแกรมที่ช่วยในการสืบค้นหาข้อมูล โดยเฉพาะข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต โดยครอบคลุมทั้งข้อความ รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว เพลง ซอฟต์แวร์ แผนที่ ข้อมูลบุคคล กลุ่มข่าว และอื่น ๆ ซึ่งแตกต่างกันไปแล้วแต่โปรแกรมหรือผู้ให้บริการแต่ละราย. เสิร์ชเอนจินส่วนใหญ่จะค้นหาข้อมูลจากคำสำคัญ (คีย์เวิร์ด) ที่ผู้ใช้ป้อนเข้าไป จากนั้นก็จะแสดงรายการผลลัพธ์ที่มันคิดว่าผู้ใช้น่าจะต้องการขึ้นมา ในปัจจุบัน เสิร์ชเอนจินบางตัว เช่น กูเกิล จะบันทึกประวัติการค้นหาและการเลือกผลลัพธ์ของผู้ใช้ไว้ด้วย และจะนำประวัติที่บันทึกไว้นั้น มาช่วยกรองผลลัพธ์ในการค้นหาครั้งต่อ ๆ ไป

สัดส่วนของผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกา (ข้อมูลจาก นิตยสารฟอรบส์ ฉบับวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2548)

1. กูเกิล (Google) 36.9%
2. ยาฮูเสิร์ช (Yahoo! Search) 30.4%
3. เอ็มเอสเอ็นเสิร์ช (MSN Search) 15.7%

นอกจากด้านบน เว็บอื่น ๆ ที่เป็นที่นิยมได้แก่

- เอโอแอล (AOL Search)
- อาส์ก (Ask)
- เอ 9 (A9)
- ไป่ตู้ (Baidu, 百度) เสิร์ชเอนจิน อันดับ 1 ของประเทศจีน

 ประโยชน์ของการค้นข้อมูลโดยใช้ search engine
 1. ค้นหาเว็บที่ต้องการได้สะดวก รวดเร็ว
 2. สามารถค้นหาแบบเจาะลึกได้ ไม่ว่าจะเป็น รูปภาพ, ข่าว, MP3 และอื่นๆ อีกมากมาย
 3. สามารถค้นหาจากเว็บไซต์เฉพาะทาง ที่มีการจัดทำไว้ เช่น download.com เว็บไซต์เกี่ยวกับข้อมูลและซอร์ฟแวร์ เป็นต้น
 4. มีความหลากหลายในการค้นหาข้อมูล
 5. รองรับการค้นหา ภาษาไทย



 พื้นฐานการใช้งาน Search
1 พื้นฐานการใช้งาน Search
ส่วนค้นหาข้อมูล (Search)  เป็นเครื่องมือที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการค้นหาข้อมูล  สำหรับผู้ใช้ที่มีเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ที่แน่นอนว่าต้องการทราบข้อมูลเกี่ยวข้องกับเรื่องใด  แต่ไม่รู้ว่าข้อมูลดังกล่าวอยู่ในส่วนใด  และไม่ต้องการเสียเวลาค้นหาข้อมูลจากเว็บเพจหรือเว็บไซต์จำนวนมาก  ซึ่งในบางครั้งก็ยังไม่พบข้อมูลอีกด้วย  โดยโปรแกรมค้นหาข้อมูลจะจัดกลุ่มขอ้มูลที่เกี่ยวข้องหรือตรงกับ Keyword ที่ผู้ใช้ป้อน  แล้วแสดงผลลัพธ์เป็นรายการผลการค้นหา (Search Engine Results Pages : SERP)  ออกมาให้ผู้ใช้เลือกเข้าไปชมข้อมูลตามที่ต้องการ  แสดงได้ดังรูปที่ 1
รูปที่1.1 ก  แสดงหน้าเว็บของ Search Engine เช่น www.google.com  เพื่อใช้ป้อน Keyword
รูปที่ 1.1 ข  แสดงหน้าเว็บรายการผลการค้นหาของ www.google.com
โดยทั่วไป  หากกล่าวถึงเครื่องมือค้นหาข้อมูล (Search Engine) แล้ว  ผู้อ่านคงจะนึกถึง Search Engine เช่น Google, Yahoo หรือ MSN เท่านั้น  แต่ในความเป็นจริงแล้ว Search Engine ยังสามารถจำแนกตามวิธีการค้นหาข้อมูลจากเว็บไซต์ออกเป็น 2 ประเภท  ดังนี้
Internal Search Engine
หรือ “Site Search” เป็นเครื่องมือค้นหาข้อมูลที่อยู่ภายในไซต์นั้นโดยเฉพาะ  ยกตัวอย่างเช่น  E-Bay ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่เสนอขายสินค้าจากทั่วทุกมุมโลก  ผู้ชมสามารถค้นหารายการสินค้าโดยพิมพ์ Keyword ที่ต้องการลงในช่องป้อนข้อมูล  เช่น  ต้องการค้นหาต่างหูก็พิมพ์คำว่า “earring” เมื่อกดปุ่ม  Search  โปรแกรมจะประมวลผลรายการคำศัพท์จากดัชนีคำศัพท์ในฐานข้อมูลที่ตรงกับคำว่า “earring” ออกมาแสดงผล  ดังรูปที่ 1.2
หมายเหตุ   Internal Search Engine  มักจะนำมาใช้งานกรณีที่เป็นเว็บไซต์เสนอขายสินค้า  และมีรายการสินค้าแยกย่อยหลายชนิดจนไม่สามารถแสดงผลให้อยู่ในเว็บเพจเพียงหน้าเดียวได้  ยกตัวอย่างเช่น  นาฬิกาข้อมือที่มีหลายยี่ห้อ (Brand Name) และแต่ละยี่ห้อก็ยังจำแนกออกเป็นรุ่นต่างๆ อีก  ลักษณะเช่นนี้สามารถสร้าง Search Engine ภายในหน้าเว็บให้ผู้ใช้ป้อนข้อมูล  อาจเป็นชื่อยี่ห้อหรือรุ่นโดยเฉพาะเพื่อจำกัดกลุ่มรายการสินค้าที่ต้องการค้นหาได้
รูปที่ 1.2  ตัวอย่าง Internal Search Engine บนหน้าเว็บ www.ebay.com
External Search Engine
หรือ “Web Search”  เป็นเครื่องมือค้นหาข้อมูลที่อยู่ภายนอกเว็บไซต์  หรือเป็นเว็บที่ค้นหาข้อมูลโดยเฉพาะซึ่งสามารถจำแนกข้อมูลที่ต้องการค้นหาออกเป็นประเภทต่างๆ  เช่น  ค้นหาเว็บ  รูปภาพ  หรือข่าวสาร  เป็นต้น External Search Engine  จะใช้หลักการทำงานเช่นเดียวกับ Internal Search Engine แต่ต่างกันตรงที่ฐานข้อมูลที่ใช้จัดเก็บดัชนีเพื่อตรวจสอบกับ Keyword จะมีขนาดใหญ่กว่า  เนื่องจากฐานข้อมูลนอกจากจะใช้จัดเก็บดัชนีคำศัพท์แล้ว  จะต้องเก็บชื่อ URL หรือตำแหน่งที่จัดเก็บเพจนั้นไว้ด้วย  เมื่อผู้ชมป้อน Keyword เข้ามา  โปรแกรมจะทำการประมวลผลและแสดงข้อความเชื่อมโยงพร้อมทั้ง URL  ของเว็บเพจที่ต้องการเชื่อมโยงไปถึง  ดังรูปที่ 1.3  สำหรับ External Search Engine ที่ผู้อ่านรู้จักกันเป็นอย่างดี  ได้แก่ Google, Yahoo และ MSN Search
รูปที่ 1.3  ตัวอย่าง External Search Engine บนหน้าเว็บ www.msn.com
สำหรับหน้า SERP ของ Search Engine ทั้ง 2 ประเภท  จะประกอบด้วย  รายงานผลสรุปของจำนวนข้อมูลที่ค้นหาได้  และรายการเชื่อมโยงที่ค้นหาได้ทั้งหมด (กรณีที่มีข้อมูลจำนวนมาก) เรียงลำดับต่อเนื่องกันไป  แต่หากเป็น SERP ของ External Search Engine จะแสดง URL ที่ข้อความเชื่อมโยงถึงด้วย  เพราะเป็นการค้นหาภายนอกไซต์  ส่วน Internal Search Engine เป็นการค้นหาภายในไซต์จึงไม่จำเป็นต้องแสดง URL
นอกจากนี้หากเปรียบเทียบประสิทธิภาพการค้นหาข้อมูลของ Search Engine ทั้งสองประเภทแล้ว  จะพบว่า External Search Engine สามารถช่วยผู้ใช้ค้นหาข้อมูลได้ประสบความสำเร็จมากกว่า  ด้วยคุณสมบัติความง่ายในการเรียนรู้และง่ายต่อการใช้งานนั่นเอง  ผู้อ่านลองสังเกตว่า External Search Engine ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก  เช่น Google จะไม่เน้นการออกแบบส่วนอินเตอร์เฟส (Interface) ให้มีความสวยงามหรือมีภาพกราฟฟิกมากนัก  แต่มุ่งเน้นด้านประโยชน์ใช้สอย  ดังนั้นหน้าเว็บจึงประกอบด้วยเครื่องมือที่จำเป็นต่อการค้นหาข้อมูลเท่านั้น  เช่น  ช่องป้อนข้อมูล  ปุ่มกดค้นหา  และตังเลือกประเภทการค้นหา  เป็นต้น  ดังรูปที่ 1.4  การจัดวางองค์ประกอบของเครื่องมือเท่าที่จำเป็นต้องใช้งาน  จะทำให้ผู้ชมไม่ต้องเสียเวลาเพื่อเรียนรู้การใช้งานเครื่องมือแต่ละตัวมากนัก
รูปที่ 1.4 ก  แสดงการออกแบบส่วนอินเตอร์เฟสกับผู้ใช้ของ www.google.com
รูปที่ 1.4 ข  แสดงการออกแบบส่วนอินเตอร์เฟสกับผู้ใช้ของ www.a9.com
ในขณะที่การออกแบบ Internal Search Engine จะเป็นการออกแบบตามสไตล์ของนักพัฒนาเว็บแต่ละคน  ดังนั้นรูปแบบอินเตอร์เฟส  ตำแหน่งการจัดวาง  และวิธีการใช้งานเครื่องมือจึงแตกต่างกันไป  ซึ่งส่วนอินเตอร์เฟสที่เปลี่ยนไปของแต่ละเว็บไซต์  ทำให้ผู้ใช้ต้องเสียเวลาค้นหา (เมื่อตำแหน่งการจัดวางเปลี่ยนไป)  และเสียเวลาเรียนรู้องค์ประกอบนั้น (เมื่อมีทางเลือกในการค้นหาเพิ่มเติม)  เนื่องจากผู้ใช้มักคุ้นเคยกับอินเตอร์เฟสของ External Search Engine  และคาดหวังว่าส่วนค้นหาข้อมูลแบบ Internal Search Engine ก็ควรจะมีลักษณะเช่นเดียวกัน
รูปที่ 1.5 ก  แสดงตัวอย่างการจัดวางตำแหน่งและรูปแบบอินเตอร์เฟสของเว็บwww.amway.com
รูปที่ 1.5 ข  แสดงตัวอย่างรูปแบบอินเตอร์เฟสของ Internal Search Engine ซึ่งมีการสร้างเครื่องมือกำหนดขอบเขตในการค้นหาบนหน้าเว็บwww.platinumpda.com
ดังนั้นหลักการออกแบบ Internal Search Engine ที่ดี  สิ่งสำคัญประการแรก  คือ  ต้องมีลักษณะอินเตอร์เฟสตรงตามความคาดหวังของผู้ใช้  นั่นคือ  ต้องสอดคล้องกับส่วนอินเตอร์เฟสของ External Search Engine ยกตัวอย่างเช่น  ประกอบด้วยช่องป้อนข้อมูล  ปุ่มกดค้นหา  ป้ายคำอธิบาย  รวมถึงตำแหน่งการจัดวางด้วย  ซึ่งการออกแบบส่วนประกอบดังกล่าวจะได้อธิบายในหัวข้อถัดไป


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น